โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
จัดทำโดย
เด็กชาย ทัศน์ไท พลับวังกล่ำ เลขที่ 2
เด็กชาย พัฒนพงษ์ ศรีชาติ เลขที่ 4
เด็กหญิง พรพิมล ช่วยเพ็ญ เลขที่ 18
เด็กหญิง อรณิชา อาจเจริญ เลขที่ 26
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1
เสนอ
คุณครูธีรพล คงมีผล
คุณครูประจำวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยชนะสงคราม
เกี่ยวกับโครงงาน
โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง
สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
กลุ่มสาระการเรียนรู้
เทคโนโลยีสารสนเทศ
คณะผู้จัดทำ 1. เด็กชาย ทัศน์ไท พลับวังกล่ำ เลขที่ 2
2. เด็กชาย พัฒนพงษ์ ศรีชาติ เลขที่ 4
3. เด็กหญิง พรพิมล ช่วยเพ็ญ เลขที่ 18
4. เด็กหญิง อรณิชา อาจเจริญ เลขที่ 26
ครูที่ปรึกษา 1. คุณครู ธีรพล คงมีผล
สถานศึกษา
โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยชนะสงคราม อำเภอเมืองตาก
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตากเขต 1
ปีการศึกษา 2559
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเรื่องการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
คงจะสำเร็จลงไม่ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก คุณครู ธีรพล คงมีผล คุณครูผู้เป็นที่ปรึกษาโครงงาน และเป็นคุณครูประจำวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ได้อบรมให้มีความรู้
ให้คำแนะนำ ตรวจทานและแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยความรัก
และความเอาใจใส่เพื่อให้โครงงานเล่มนี้สมบูรณที่สุด
อีกทั้งคณะผู้จัดทำยังต้องขอขอบคุณ
ผู้ปกครอง และเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือเรื่องราวต่างๆด้วยความหวังดี
อาจจะยังเหลือผู้สนับสนุนอีกหลายคน ที่ทางคณะผู้จัดทำหลงลืม หรือ ตกหล่น
ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
หัวข้อโครงงาน การพัฒนาเว็บบล็อก ด้วย Blogger เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
ประเภทโครงงาน โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ผู้เสนอโครงงาน1.
เด็กชาย ทัศน์ไท พลับวังกล่ำเลขที่
2
2. เด็กชาย พัฒนพงษ์ ศรีชาติ
เลขที่ 4
3.
เด็กหญิง พรพิมล ช่วยเพ็ญ เลขที่ 18
4. เด็กหญิง อรณิชา อาจเจริญ เลขที่ 26
ครูที่ปรึกษาโครงงาน คุณครูธีรพล คงมีผล
ปีการศึกษา 2559
บทคัดย่อ
การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง
การท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
มีจุดประสงค์เพื่อใช้ฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ
และยังจัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อเพื่อการศึกษาการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
เพื่อใช้สำหรับผู้ที่อยากท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น และได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
สถานที่ การเดินทาง และความรู้ทั่วไปเกี่ยวประเทศญี่ปุ่น
การจัดทำโครงงานนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ในด้านการฝึกทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว
ยังช่วยเพิ่มแหล่งข้อมูลทางด้านสื่อการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
อีกทั้งยังช่วยฝึกการจัดทำโครงงานอีกด้วย
บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
ด้วยในปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็น ผู้เขียนหรือผู้อ่าน
ทางคณะผู้จัดทำจึงแลเห็นความสำคัญในการใช้สื่อคอมพิวเตอร์ในการสร้างสื่อเพื่อการศึกษาทางด้านการท่องเที่ยวในหัวข้อ
สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และเนื่องจากผู้จัดทำมองเห็นความสำคัญ
ด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
อีกทั้งการท่องเที่ยวยังเป็นเป็นการกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจ คณะผู้จัดทำจึงได้จัดทางโครงงานนี้ขึ้นมา
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.
ฝึกใช้ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ให้คล่องแคล่ว
2.
ได้ฝึกการจัดทำโครงงาน
3.
ได้ฝึกการจัดทำ Blogger เพื่อเผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ต
ขอบเขตการจัดทำโครงงาน
พวกเราได้เริ่มศึกษาและหาข้อมูลต่างๆตามตารางงานต่อไปนี้
ตารางขอบเขตและการจัดการทำงาน
|
|||
วัน เดือน ปี
|
รายการ
|
หมายเหตุ
|
|
๑
|
๑๙/๕/๒๕๕๙
|
เลือกหัวข้อโครงงาน
และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่ได้เบื้องต้น
|
*ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบโครงงาน
|
๒
|
๒๐/๕/๒๕๕๙
-๒๓/๕/๒๕๕๙
|
จัดวางรูปแบบโครงงาน
และร่างรูปแบบโครงงาน
|
*รูปแบบโครงงาน 5 บท
|
๓
|
๒๔/๕/๒๕๕๙
-๒๗/๕/๒๕๕๙
|
หาข้อมูลเรื่องที่จะจัดทำโครงงาน
|
*เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
|
๔
|
๒๘/๕/๒๕๕๙
-๓/๖/๒๕๕๙
|
จัดทำรายงานที่ใช้ประกอบโครงงาน
|
|
๕
|
๔/๖/๒๕๕๙
-๕/๖/๒๕๕๙
|
ตรวจทานรายงานอย่างละเอียด
|
|
๖
|
๖/๖/๒๕๕๙
|
ส่งรายงานให้คุณครูตรวจทานก่อนการจัดทำ
blogger
|
*ส่งงานแบบไฟล์งาน
|
๗
|
๗/๖/๒๕๕๙
-๑๑/๖/๒๕๕๙
|
แก้ไขข้อผิดพลาดรายงานต่างๆที่คุณครูให้คำแนะนำ
|
*เกี่ยวกับตัวอักษร การวางรูปภาพ และอื่นๆ
|
๘
|
๑๒/๖/๒๕๕๙
-๑๔/๖/๒๕๕๙
|
หาข้อมูลเกี่ยวกับ
bloggerและวางแผนการทำงานต่างๆ
|
|
๙
|
๑๕/๖/๒๕๕๙
-๒๐/๖/๒๕๕๙
|
จัดทำข้อมูลใน
blogger ให้เสร็จสมบูรณ์
|
*ตรวจสอบจนสมบูรณ์ที่สุด
|
๑๐
|
๒๑/๖/๒๕๕๙
|
ให้คุณครูตรวจสอบข้อมูลต่างๆใน
blogger
|
*เพื่อให้มีความสมบูรณ์ที่สุด
|
๑๑
|
๓๐/๖/๒๕๕๙
|
นำเสนอโครงงาน
|
วิธีการดำเนินงาน
1.
สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
2.
สอบถามข้อมูลจากคุณครู ธีรพล คงมีผล
3.
หาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือต่างๆ
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.
ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
2.
ได้รู้จักทักษะในการทำงานเป็นกลุ่ม
3.
ได้รู้จักทักษะในการทำโครงงาน
4.
ได้รู้จักการทำ Blogger ลงในอินเทอร์เน็ต
5.
ได้รู้จักทักษะการสืบค้นข้อมูล
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เพื่อการหาข้อมูลที่ใช้ทำ Blogger เรื่องการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
เราจึงรวบรวมข้อมูลมาดังนี้
เหตุผลในการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น
ตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวบ้านเราเที่ยวได้โดยไม่ต้องง้อวีซ่า
ประจวบเหมาะกับเริ่มมีสายการบิน Low Cost เปิดเส้นทางบินกรุงเทพญี่ปุ่นกัน
ทำให้ทุกวันนี้ ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีคนให้ความสนใจไปเที่ยวกันเยอะมากๆ
เราว่าส่วนหนึ่งคือคนใน Gen เราที่โตกันมา
เป็นยุคที่การ์ตูนญี่ปุ่น ทั้งแบบหนังสือการ์ตูน หรือทีวีช่องเก้าการ์ตูน
มีเสียงน้าต๋อยแซมเบ้ กำลังสุขงอมพอดิบพอดี
ทำให้เรารู้สึกอินกับญี่ปุ่นได้ไม่ยากเลย
ในวันนี้เรามีคอลัมน์ที่จะมารวบรวมให้ดูกัว่า
เหตุผลที่คนชอบเดินทางบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมีอะไรกันบ้าง
Credit:
Japanesense
ไปดูดอกซากุระ
เหตุผลแรกๆเลยของหลายๆคนก็คือ
ดอกซากุระบานสะพรั่งสีชมพู ที่เห็นมานานหลายครั้งเวลาดูหนังสือท่องเที่ยว
หรือเวลาดูหนัง พอญี่ปุ่นเปิดให้เข้าโดยไม่ต้องใช้ VISA แล้วสายการบินก็มีราคาไม่แพง
ดอกซากุระก็ไม่ใช่ของไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป
ถ้าจะไปก็ต้องประมาณช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี่ล่ะ (หรือพฤษภาคมในบางจังหวัด)
ไปแอบนั่งคนเดียวริมน้ำ มีดอกซากุระร่วง พระอาทิตย์ตกดินแบบการ์ตูนญี่ปุ่นนะ โอ้ย
ขอวาร์ปเลยได้ไหม!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จุดชมซากุระที่คลาสสิคและเป็นวิวในโปสเตอร์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งก็คือที่
ทะเลสาบคาวากูจิ นั่งรถไฟจากโอซาก้า เกียวโต หรือโตเกียวมาก็ได้
หรือในสวนสาธารณะในเมืองก็มีดอกซากุระบานเช่นกัน
Credit: Japan Times
ไปดูภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นเหมือนไอคอนที่สุดแล้วของญี่ปุ่น
คือถ้ามีคอมพิวเตอร์ โฟลเดอร์ญี่ปุ่น
คงต้องเป็นรูปอื่นไม่ได้นอกจากภูเขาฟูจินี่ล่ะ นอกจากนั้นถ้าทริปญี่ปุ่นของคุณเป็นการตั้งใจไปเที่ยวฟูจิโดยเฉพาะก็มี
Route
การเที่ยวอุทยานแห่งชาติของฟูจิเองได้อีกด้วย
จังหวัดที่ควรไปเยือน: โตเกียว หรือ โอซาก้า แล้วนั่งรถไฟสายโทไกโด
ระหว่างทางจะได้เห็นวิวตั้งตระหง่าน
Credit: Asiatotal
ไปดูปราสาทเก่า วัดโบราณ
ตอนเด็กๆเวลาเปิดดูหนังสือท่องเที่ยว
ก็พวกภาพมาตรฐานที่เราเคยเห็นจากนิตยสารท่องเที่ยวเหล่านี้นี่ล่ะที่ทำให้เราอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเหลือเกิน แล้วในนั้นก็มักจะมีรูปของปราสาทโบราณในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
ซึ่งมีให้พบเห็นตามเมืองสำคัญในอดีตของญี่ปุ่น
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ปราสาทที่ดังๆเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวแน่นอนก็ต้องเป็นปราสาทฮิเมะจิในจังหวัดเฮียวโงะ
และปราสาทโอซาก้าในจังหวัดโอซาก้าที่เดินทางไปได้ง่ายๆ
แต่นอกนั้นยังมีอีกหลายปราสาทเลยที่เราควรไปชมเช่นกัน อย่าง ปราสาทฮิโรซากิ
ในจังหวัดอาโอโมริ มีความเก่าแก่มากๆแล้วก็เหมือนได้ไปเยือนต่างจังหวัดบ้านเขา
ไฮไลท์ก็คือมีวิวต้นดอกซากุระบานประกอบด้วย
Credit: Mortalcoil
Credit: Japan Times
ไปตามรอยกินร้านดัง
นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญต่อมา
ไหนจะทีวีแชมป์เปี้ยน รายการทำอาหาร หรือล่าสุดไม่กี่ปีมานี้เพิ่งมีสารคดี Jiro Dream of
Sushi ออกมา โอย ยิ่งอยากไปลองชิมของจริงกันใหญ่
หลายคนที่เรารู้จักเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วแอบถ่ายรูปหม้อไฟ กระทะปิ้งย่างมาอวดกัน
นั่นล่ะชัดเลย สายกินชัวร์!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: สำหรับตามรอยกินนี่เราว่าได้ทุกจังหวัดเลยนะ ถ้าเอาแบบมีการแนะนำบ่อยก็เช่นในโตเกียว
หรือถ้ายอดฮิตประมาณหนึ่งก็ซุ้มอาหาร Yayai ในจังหวัดฟุกุโอกะ
Credit: Tokyofashion
ไปดูแรงบันดาลใจแฟชั่นในย่านฮาราจุกุ
เอาใจคอแฟชั่นกันบ้าง
นอกจากจะไปช็อปแบบกระเป๋าขาดในย่านฮาราจุกุ
ย่อนช็อปปิ้งยอดฮิตที่มีช็อปร้านแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะคอสตรีทที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น
มีแบรนด์สตรีทชื่อดังตั้งร้านใน Harajuku เช่น Bape, Beams,
Visvim, Edwin หรือถ้าไม่อยากช็อป แค่ไปเดินดู Street
Fashion ที่นั่นก็หวือหวาได้แล้ว
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ต้องเป็นโตเกียว ย่านฮาราจุกุ ถือว่าเป็นที่ A Must เลยสำหรับคอแฟชั่น
Credit:
Hinds Feet on High Places
ไปดูทุ่งดอกลาเวนเดอร์
อันนี้ก็ตั้งแต่มีสายการบิน Low-Cost ไปลงที่ฮอกไกโด แล้วบวกกับเขาผลักการท่องเที่ยวทุ่งดอกลาเวนเดอร์พอดี
เลยทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากไปเห็นของจริงด้วยตาสักครั้ง แล้วแน่นอนว่าไปถึงต้องขอหยิบซอฟท์ครีมนมฮอกไกโด
โคนสีม่วงชูขึ้นฟ้า แล้วถ่ายลง IG สักหน่อย
ทำให้เพื่อนๆที่เห็นพากันอยากไปบ้าง
จังหวัดที่ควรไปเยือน: แน่นอนว่าต้องเป็นจังหวัด ฮอกไกโด
Credit: Tokyocheapo
ไปซื้อหนังสือ/เพลง
อันนี้สำหรับพวกที่เคยไปหลายรอบแล้ว
แบบว่าข้ออื่นๆเคยทำมาแล้วล่ะ
สิ่งหนึ่งที่คนชอบไปญี่ปุ่นทำกันคือไปเยือนร้านขายซีดีเพลง
ที่ญี่ปุ่นมีเพลงเยอะมากๆ หรืออีกอย่างก็คือร้านขายหนังสือทั้งมือหนึ่งและมือสอง
ดูง่ายๆอย่างร้าน Kinokuniya
ที่บินมาเปิดถึงบ้านเรา มีหนังสือเพียบขนาดไหน ส่วนร้านมือสอง Book
Off ก็เป็นที่นิยมของคนที่อยากไปตามล่าหาหนังสือเก่ากันด้วย
ที่สำคัญคือบ้านเมืองเขาวัฒนธรรมการทำหนังสือไปถึงจุดสูงสุด
คนธรรมดาก็มีการทำหนังสือออกมาวางขายกัน บรรดาโฟโต้บุ๊คภาพใสๆญี่ปุ่นๆนี่เพียบ!
Credit: Livinitupdenver
Credit: Photosomnia
ไปเดินผ่านสี่แยกนั้นเล่นๆ
อ่าว ใครจะว่าติ๊งต๊องก็เอาเถอะ
แต่เราว่าแค่แยกแยกเดียวแต่ก็มีความหมายนะ
สี่แยกที่คึกคักที่สุดในเมืองที่คึกคักที่สุดในโลก
ถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรากำลังหมายถึง “ห้าแยกชิบูย่า”
(อ้าว! ห้าแยกหรอกเหรอ) ใช่ นี่เป็นแยกที่คึกคักที่สุด มีภาพยนตร์ Hollywood
และมิวสิควิดีโอของศิลปินต่างประเทศมาถ่ายทำกันมากมาย
มาเดินถ่ายรูปแล้วก็นั่งจิบกาแฟดื่มด่ำความวุ่นวายสักหน่อย ฟินเฟ่อ~
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จังหวัดโตเกียว นั่งรถไฟ JR สายสีเขียว
ขึ้นสถานีต่อจาก Harajuku หันซ้ายหันขวานิดหน่อย ถึงเลยจ้า!
Credit: Japanesearch
ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์
หนึ่งในเหตุผลร้อยแปดคนอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น
สำหรับบางคนแล้วการได้ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์ดูศึกษาประวัติความเป็นมาสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ
เป็นสิ่งที่เหมือนได้เดินอยู่ในฝัน เอาที่ยอดฮิตก็ต้องหนีไม่พ้น
พิพิธภัณฑ์ของสตูดิโอจิบลิ Ghibli Museum, Mitaka ที่จะเนรมิตเอาตัวละครอะนิเมชั่นซึ้งกินใจเหล่านี้มาโผล่ในดินแดนแห่งนี้
หรือถ้าใครชอบโดเรมอน มีพิพิธภัณฑ์ Fujiko.F.Fujio Muesum ด้วยนะ
อีกแห่งก็ Kyoto International Manga Museum ที่อัดแน่นการ์ตูนไว้แน่น
โอยจะมีประเทศไหนอีกที่มีพิพิธภัณฑ์ของการ์ตูนจัดเต็มแบบนี้ ก็มีแต่ญี่ปุ่นนี่ล่ะ!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ที่จังหวัดเกียวโตมีพิพิธภัณฑ์มากมาย ให้เลือกจัดทริปกัน
แต่ถ้าอยากไปจิบลิก็ต้องเป็นที่โตเกียว นั่งรถออกมานอกเมืองไม่ไกลที่เมืองมิตะกะ
Credit: Wanderinghokies
ไปดูหิมะ
หิมะที่ญี่ปุ่น
ก็เป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวอยากไปเห็นอยากไปสัมผัสกัน ถ้าอยากแค่ “เห็นหิมะ” ไม่เกี่ยงว่าจะต้องมีกิจกรรมอะไร
ก็ไปเมืองใดก็ได้ในหน้าหนาว ช่วงเดือนธันวาคมยาวไปจนถึงกุมภาพันธ์
ได้แช่ออนเซ็นอุ่นๆ แล้วมีหิมะตกอยู่ข้างนอกนะ ชีวิตดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง
จังหวัดที่ควรไปเยือน: สำหรับเมืองหนาวของญี่ปุ่น คงต้องเป็นจังหวัดซัปโปโร
แล้วช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่นี่ก็จะมีเทศกาล Sapporo Snow Festival ด้วย
Credit: Thelivinginventory
ไปล่าของฝาก
หึหึ อันนี้นี่ล่ะคือความคิดแรงจูงใจของใครหลายๆคน
เราว่านักท่องเที่ยวชาวไทยดูจะเป็นแก๊งค์ที่เอ็นจอยกับของฝากญี่ปุ่นที่สุดแล้วล่ะ
แน่นอนว่าชื่อแรกต้องเป็นโตเกียวบานาน่า ขนมปังสีกล้วยเหลืองนวล กลมดิ๊ก เนื้อนุ่ม
ครีมหอมอร่อย (คิดแล้วหมั่นเขี้ยว) แล้วก็ให้ทายว่าอีกอย่างคืออะไร? ครับ คิทแคทรสชาเขียว ทำเป็นบ่นๆแต่ใครซื้อมาฝากก็ฟาดเรียบทุกที
อันนี้นี่ล่ะน่าจะเป็นรางวัลสำหรับนักท่องเที่ยวหลายคน
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จังหวัดโตเกียวมีแหล่งช็อปซื้อของฝากยอดนิยมคือ บริเวณตลาด Ameyoko
หรือตึกม่วง Takeya ที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน
ที่นี่สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าที่อื่น
สถานที่ยอดฮิต
พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์
ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว
เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น
เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น
รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น
จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ
การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ
และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ
และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ
โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก
ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1
ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน
อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก
เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส
สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์
จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด
ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา
ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า
250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ
ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60
องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว
เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู
ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้
แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก
มีความสูงถึง 3,776 เมตร
ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง
วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ
นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า
ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า
ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ
แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม
และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า
(Fuji Five Lake or Fujigoko)หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ yokosojapan.org
นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ yokosojapan.org
เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ
การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่งท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว
นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง
โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบ, ย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น
ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ
ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่
เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์
ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม
เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น
และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก
ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น
ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง
และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ
ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า
ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal
Studios Japan
แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ
ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ
เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ
และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี
ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด
ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน
วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา
ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญของเมืองนาราอีก
7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือวิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)
ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย
ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล
มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท
ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น
สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น
ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น
ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส
เมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี
เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้
ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา
และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม
โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล
รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ
โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือนกันยายน
ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก
ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง
และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี
การวางแผนและการเตรียมตัว
วีซ่า ไปญี่ปุ่นเองนั้นไม่ยาก
นับเป็นโชคดีของพาสปอร์ตไทยที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวระยะสั้นไม่เกิน 15 วันได้ตลอดปีโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า เรียกได้ว่าจองตั๋ว
จองที่พักแล้วก็บินโลด
ทั้งนี้นอกจากประเทศญี่ปุ่นที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าแล้ว
แต่ถ้าอยากเที่ยวมากกว่า 15 วันล่ะก็
เช็คดูเลยว่าจะขอวีซ่าได้ที่เว็บสถานฑูตญี่ปุ่น รึป่าว
โปรแกรมเมืองที่จะไปเที่ยว
ไปเที่ยวเมืองไหนดี
ข้อนี้สำคัญมาก เพราะส่งผลถึงการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
รวมไปถึงการจัดงบประมาณการท่องเที่ยวของคุณด้วย ทั้งนี้ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล และในแต่ละช่วงของปีก็มีกิจกรรมให้ทำแตกต่างกันไป
แต่ก็มีเมืองท่องเที่ยวหลักๆ หลายเมืองที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดปี
ว่าแล้วเราไปดูกันซิว่าเมืองท่องเที่ยวฮ็อตฮิต 10 อันดับของญี่ปุ่นนั้นมีเมืองไหนกันบ้าง ที่ไปได้ทุกฤดู ทุกปี ไม่มีเบื่อ
สภาพอากาศและฤดูกาล อากาศที่ญี่ปุ่นมี
4
ฤดูกาล อยากจะไปเที่ยวในช่วงไหนก็ควรจัดกระเป๋าไปญี่ปุ่นให้เหมาะสมกับอากาศในแต่ละช่วง
ฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม
จะเป็นช่วงชมดอกซากุระบาน โดยดอกซากุระจะทยอยกันบานแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค
ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงชมทุ่งดอกไม้บานในหลายแห่ง
ขึ้นชื่อที่สุด คือ ที่ฟุราโนะและบิเอบนเกาะฮอกไกโด
นอกจากนั้นก็เป็นช่วงชมผลไม้และเทศกาลหน้าร้อนมากมาย
ฤดูใบไม้ร่วง
ระหว่างเดือนกันยาน-เดือนพฤศจิกายน
จะเป็นช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีและเทศกาลเก็บเกี่ยว
ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์
จะเป็นช่วงเที่ยวชมหิมะ เล่นสกี เทศกาลหน้าหนาวต่างๆ ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น
โตเกียว ซัปโปโร โอซาก้า จะมีงานจัดไฟประดับเมืองในช่วงคริสต์มาส
และเทศกาลที่ดังที่สุดในช่วงนี้ของปีก็คือ งานเทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลักที่ซัปโปโร
การเดินทางไปญี่ปุ่น ในปัจจุบันตั๋วเครื่องบินไปเมืองต่างๆ
ของญี่ปุ่นจัดว่ามีราคาค่อนข้างประหยัด
เพราะแทบจะทุกเมืองนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางยอดฮิตด้วยกันทั้งสิ้น มีทั้งเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินต่อ อีกทั้งมีหลายสายการบินให้บริการเส้นทางเหล่านี้
ทั้งสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินพรีเมี่ยม
เช็คราครตั๋วเครื่องบิน
การเดินทางภายในญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นนี่ถือว่าสะดวกมาก
เพราะมีทั้งบริการสายการบินเชื่อมต่อภายในประเทศมากมาย รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง
รถไฟใต้ดิน รถไฟบนดิน รถบัสโดยสาร รถแท็กซี่ เรือเฟอร์รี่ (สำหรับเมืองที่ติดทะเล)
รวมไปถึงเช่ารถขับเที่ยวซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่คิดจะไปเที่ยวชมธรรมชาติรอบนอกตัวเมือง
โรงแรมที่พักในญี่ปุ่น ที่พักในญี่ปุ่นนั้นมีให้เลือกมากมาย
และในระยะหลังมานี้ที่พักแนวประหยัดในเมืองใหญ่ โรงแรมแคปซูล (Capsule
Hotel) ที่มักจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองก็เป็นที่นิยมอย่างสูง
เพราะประหยัด สะอาดและสะดวกในการเดินทาง แต่ทั้งนี้ที่พักแนวรีสอร์ทสปา-ออนเซ็น
เกสต์เฮ้าส์ อินส์-เรียวกัง (Japanese Inns or Ryokan) และที่พักกึ่งบูทีคโฮเต็ลแบบบ้านโบราณประยุกต์ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็กำลังมาแรงไม่น้อย
ก่อนออกเดินทาง
ก่อนจะไปโอไฮโย-คอนนิจิวะ
ก็อย่าลืมทำเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องเตรียมไปญี่ปุ่น จองตั๋วที่พักให้ครบทุกคืน
เช่ารถให้เสร็จสรรพหากคิดจะขับรถเที่ยวและอย่าลืมทำใบขับขี่สากลติดตัวไปด้วย
สำหรับคุณที่ขี้เกียจขับรถหรือกะเที่ยวหลั่นล้าแค่ในตัวเมืองก็อย่าลืมซื้อตั๋วเจอาร์พาส
(JR
Pass) กันล่วงหน้า หาแผนที่ดีๆ วางแผนชีพจรลงเท้าให้แม่นๆ
และอย่าลืมอ่านคู่มือการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ข้อแนะนำสำคัญอีกข้อของคุณที่จะใช้เจอาร์พาส
หากคุณคิดจะเที่ยวหลายที่ๆ รถไฟไปถึง ขอให้ซื้อแบบตั๋วรายสัปดาห์หรือรายวันจะประหยัดกว่าซื้อเที่ยวต่อเที่ยวอยู่มาก
สำหรับการไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองและเที่ยวแบบประหยัด-คุ้มนั้น
คุณก็ควรจองตั๋วเดินทางและที่พักล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ
เลือกที่พักแบบที่มีบริการอาหารเช้าเพราะจะช่วยทั้งประหยัดเวลาและอาจประหยัดค่าอาหารมากกว่าการไปหาซื้อข้างนอก
หรือถ้าคุณคำนวณแล้วว่าแหล่งที่พักในหมายตาไว้นั้นไปหาซื้อกินเองน่าจะถูกกว่า
เพราะร้านบะหมี่ท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อที่บริการอาหารอร่อยและถูกนั้นมีมากมาย
ก็ขอให้เล็งดีๆ ว่าใกล้แหล่งตลาดร้านค้านั้นจริงๆ
เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย
และเสียอรรถรสในการท่องเที่ยวซะเปล่าๆ นอกจากนั้นสำหรับคุณๆ
ที่คิดจะเดินทางเป็นหมู่คณะก็น่าจะทำการเจรจาต่อรองค่าที่พัก
รวมไปถึงค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ด้วย
ไม่แน่คุณอาจได้ส่วนลดเพิ่มแบบไม่คาดคิดก็เป็นได้
ระหว่างเดินทาง
ข้อที่ 1 สำหรับคนที่วางแผนเที่ยวหลายเมือง
การเดินทางโดยเครื่องบินจะสะดวกและประหยัดมากหากทำการจองตั๋วเที่ยวบินภายในประเทศล่วงหน้า
และขอบอกโอกาสที่จะได้ตั๋วราคาถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 19 สัปดาห์ก่อนเดินทาง (จากข้อมูลโครงการ Best Time to Book)
ข้อที่ 2 แนะนำให้เดินทางไปลงยังสนามบินฮาเนดะ
(Haneda
Airport) มากกว่าสนามบินนาริตะ (Narita International
Airport) เพราะมีสายการบินให้บริการมากกว่า การเดินทางเข้าโตเกียวก็สั้นกว่าและประหยัดค่าเดินทางมากกว่า
ข้อที่ 3 ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นการแปลภาษามาใช้
เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
อย่างน้อยหากหลงทางคุณก็ยังสามารถสื่อสารแบบง่ายๆ กับคนท้องถิ่นได้
นอกจากโปรแกรมแปลภาษาแล้ว ก็ยังมีแอพดีๆ สำหรับการท่องเที่ยวอีกมากมาย อ่านเพิ่มเติมแอพพลิเคชั่นเด็ดที่ควรมีในระหว่างเดินทาง
ข้อที่ 4 พกนามบัตรและเบอร์ติดต่อโรงแรมตลอดเวลาที่คุณออกไปเที่ยว
ในกรณีที่คุณหลงทางก็สามารถโชว์นามบัตรโรงแรมภาษาญี่ปุ่นให้คนท้องถิ่นหรือคนขับรถแท็กซี่ช่วยคุณได้
ข้อที่ 5 ร้านสะดวกซื้อ
คือ โลกเล็กๆ ที่มีทุกสิ่งสรรพตั้งแต่อาหารสำเร็จรูป บัตรโทรศัพท์ เสื้อผ้า
และอีกมากมาย
ข้อที่ 6 หากคุณคิดจะใช้รถไฟเป็นหลักในการเที่ยวทั่วเมือง
(ถือว่าประหยัดกว่าแท็กซี่อยู่มากโข) ขอแนะนำให้โหลดแอพตารางรถไฟ “ไฮเปอร์เดีย” (Hyperdia) เพื่อความมั่นใจว่าคุณจะไม่พลาดสักเที่ยว
ตารางเวลารถไฟเมืองนี้ตรงและแม่นยำ ไม่ต้องตบแมลงหวี่รอ
ข้อที่ 7 เช่าอุปกรณ์ไวไฟพกพา (Pocket-Wifi) จะสะดวกและประหยัดกว่าการใช้บัตรโทรศัพท์
เพราะสามารถใช้ได้กับทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตและมือถือ เมืองใหญ่ๆ
ในญี่ปุ่นมีฟรีไวไฟให้ใช้อยู่ทั่วไป และอุปกรณ์พกพาตัวนี้ก็มีให้เช่าได้ที่สนามบิน
แต่ถ้าหากคุณทำการจองก่อนจะมีส่วนลดพิเศษกว่าราคาเช่าหน้าเคาน์เตอร์
ข้อที่ 8 อย่าวางทิปสุ่มสี่สุ่มห้า
เป็นการผิดมารยาท ที่ญี่ปุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องวางทิป หากคุณวางทิ้งไว้
พนักงานจะนึกว่าคุณลืม และการยื่นเงินสดให้กับมือก็ถือว่าไม่เหมาะไม่ควร
สำหรับการพักในโรงแรมชั้นดีที่คุณอยากให้ทิป คุณก็ต้องหาซองใส่ให้เรียบร้อย
และวางให้เมื่อวันไปถึง ไม่ใช่วางทิ้งไว้วันที่คุณเช็คเอ้าท์
ข้อที่ 9 สายด่วนภาคภาษาอังกฤษในญี่ปุ่น
คือ 0120
461 997 (24 ชั่วโมง)
ข้อที่ 10 การแลกเงินเยนเพื่อใช้จ่ายช่วงท่องเที่ยว
เป็นที่น่าสนใจว่าการแลกเงินโดยใช้ตั๋วเงินสดนักท่องเที่ยว (Traveler
Cheque) คุณจะได้เรทดีกว่าการแลกด้วยเงินดอลลาร์
แถมยังปลอดภัยในการพกพาอีกด้วย
ข้อที่ 11 ในญี่ปุ่นมีบริการรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางไปยังสนามบินที่เรียกว่า
“ทากุไฮบิน” (Takuhaibin) เพื่อความสะดวกสำหรับการเดินทางแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง
รถรับส่งกระเป๋านี้สามารถมารับกระเป๋าคุณได้ทั้งที่โรงแรมหรือร้านสะดวกซื้อที่มีป้ายบริการ
บริการนี้เชื่อถือได้และไม่แพงอีกต่างหาก
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ
หรือโปรแกรมในการใช้ดำเนินงาน
-คอมพิวเตอร์
-โปรแกรม Microsoft Office
Word
-โปรแกรมMicrosoft
Office Excel
-โปรแกรมAdobe Photo
Shop
-www.google.com
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.
กำหนดหัวข้อและนำไปถามเพื่อนและคุณครูแล้วสรุปหัวข้อกันภายในกลุ่ม
2.
ร่างรูปแบบโครงงานที่จะจัดทำ
3.
หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่จะจัดทำโครงงาน
4.
แบ่งงานต่างๆให้สมาชิกในกลุ่มแยกย้ายกันไปทำ
5.
นำงานที่สมาชิกแต่ละคนทำมาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน
6.
ตรวจทานงานต่างจนเรียบร้อย
7.
ส่งงานให้คุณครูตรวจทานอีกครั้ง
8.
และนำงานมาใส่ลงใน Blogger และตรวจทานให้เรียบร้อย
9.
ส่งคุณครูและเตรียมตัวพรีเซ้นงาน
บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
ผลที่ได้จากการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง
การท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คือ ประสบการณ์ทำงานแบบกลุ่ม
และทักษะการทำงานโดยการใช้คอมพิวเตอร์
และการจัดทำสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศลงในอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Blogger ในการจัดทำ และยังได้ฝึกใช้ทักษะการสืบค้นข้อมูลอีกด้วย
บทที่
5
สรุป
อภิปราย และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการดำเนินโครงงาน
ด้านการหาข้อมูลนั้นผ่านไปได้ด้วยดี
การสอบถามความคิดเห็นจากคุณครูและเพื่อนๆยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย
ปัญหาและอุปสรรค
-ก่อนการทำ
Bloggerเราได้ทดลองทำอีกอันแต่ไม่รู้วิธีลบ
-เนื่องจากมีงานอื่นๆอีกหลายงาน
จึงทำให้กำหนดการเริ่มงานของพวกเราล่าช้า แต่เราก็สามารถทำงานได้เสร็จทันก่อนกำหนด
ข้อเสนอแนะและแนวทางในการแก้ปัญหา
-ก่อนการทำ
Blogger เราควรหาข้อมูลต่างๆทั่วไปที่เกี่ยวกับ
Blogger ก่อนทำจึงจะทำให้งานต่างๆสำเร็จไปได้ด้วยดี
-เราควรกำหนดตารางงานต่างๆอย่างชัดเจน
และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจึงจะทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด
อ้างอิง
www.skyscanner.co.th
: การวางแผนการก่อนไปญี่ปุ่น
http://travel.kapook.com
: สถานที่ยอดฮิต
www.dooddot.com : เหตุผลที่ทำให้คนไปเที่ยวญี่ปุ่น