วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

โครงงานคอม

โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น


จัดทำโดย
                    เด็กชาย ทัศน์ไท         พลับวังกล่ำ     เลขที่ 2
                    เด็กชาย พัฒนพงษ์     ศรีชาติ   เลขที่ 4
                    เด็กหญิง พรพิมล        ช่วยเพ็ญ   เลขที่ 18
                    เด็กหญิง อรณิชา        อาจเจริญ   เลขที่ 26
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1

เสนอ
คุณครูธีรพล    คงมีผล
คุณครูประจำวิชาคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยชนะสงคราม



เกี่ยวกับโครงงาน
โครงงานคอมพิวเตอร์
เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
กลุ่มสาระการเรียนรู้ เทคโนโลยีสารสนเทศ
คณะผู้จัดทำ 1. เด็กชาย ทัศน์ไท   พลับวังกล่ำ       เลขที่ 2
              2. เด็กชาย พัฒนพงษ์                   ศรีชาติ   เลขที่ 4
                       3. เด็กหญิง พรพิมล         ช่วยเพ็ญ   เลขที่ 18
                       4. เด็กหญิง อรณิชา         อาจเจริญ   เลขที่ 26
ครูที่ปรึกษา  1. คุณครู ธีรพล      คงมีผล
สถานศึกษา  โรงเรียนเทศบาล 3 วัดชัยชนะสงคราม อำเภอเมืองตาก
                       สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตากเขต 1
ปีการศึกษา   2559


กิตติกรรมประกาศ
          โครงงานเรื่องการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คงจะสำเร็จลงไม่ได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก คุณครู ธีรพล  คงมีผล คุณครูผู้เป็นที่ปรึกษาโครงงาน และเป็นคุณครูประจำวิชา  เทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ได้อบรมให้มีความรู้ ให้คำแนะนำ ตรวจทานและแก้ไขข้อผิดพลาดด้วยความรัก และความเอาใจใส่เพื่อให้โครงงานเล่มนี้สมบูรณที่สุด
          อีกทั้งคณะผู้จัดทำยังต้องขอขอบคุณ ผู้ปกครอง และเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือเรื่องราวต่างๆด้วยความหวังดี อาจจะยังเหลือผู้สนับสนุนอีกหลายคน ที่ทางคณะผู้จัดทำหลงลืม หรือ ตกหล่น ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย



หัวข้อโครงงาน  การพัฒนาเว็บบล็อก ด้วย Blogger เรื่อง สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
ประเภทโครงงาน  โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ผู้เสนอโครงงาน1. เด็กชาย ทัศน์ไท          พลับวังกล่ำเลขที่ 2
                    2. เด็กชาย พัฒนพงษ์     ศรีชาติ   เลขที่ 4
                    3. เด็กหญิง พรพิมล       ช่วยเพ็ญ   เลขที่ 18
                    4. เด็กหญิง อรณิชา      อาจเจริญ   เลขที่ 26
ครูที่ปรึกษาโครงงาน  คุณครูธีรพล          คงมีผล
ปีการศึกษา           2559

บทคัดย่อ
          การจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง การท่องเที่ยวในญี่ปุ่น มีจุดประสงค์เพื่อใช้ฝึกทักษะการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ  และยังจัดทำขึ้นเพื่อเป็นสื่อเพื่อการศึกษาการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้สำหรับผู้ที่อยากท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น และได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ สถานที่ การเดินทาง และความรู้ทั่วไปเกี่ยวประเทศญี่ปุ่น
          การจัดทำโครงงานนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ในด้านการฝึกทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว ยังช่วยเพิ่มแหล่งข้อมูลทางด้านสื่อการศึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อีกทั้งยังช่วยฝึกการจัดทำโครงงานอีกด้วย


บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
          ด้วยในปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็น ผู้เขียนหรือผู้อ่าน ทางคณะผู้จัดทำจึงแลเห็นความสำคัญในการใช้สื่อคอมพิวเตอร์ในการสร้างสื่อเพื่อการศึกษาทางด้านการท่องเที่ยวในหัวข้อ สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น และเนื่องจากผู้จัดทำมองเห็นความสำคัญ ด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น  อีกทั้งการท่องเที่ยวยังเป็นเป็นการกระตุ้นทางด้านเศรษฐกิจ  คณะผู้จัดทำจึงได้จัดทางโครงงานนี้ขึ้นมา
วัตถุประสงค์ของโครงงาน
1.       ฝึกใช้ทักษะทางด้านคอมพิวเตอร์ให้คล่องแคล่ว
2.       ได้ฝึกการจัดทำโครงงาน
3.       ได้ฝึกการจัดทำ Blogger เพื่อเผยแพร่ลงในอินเทอร์เน็ต
ขอบเขตการจัดทำโครงงาน
          พวกเราได้เริ่มศึกษาและหาข้อมูลต่างๆตามตารางงานต่อไปนี้




                                                ตารางขอบเขตและการจัดการทำงาน


วัน เดือน ปี
รายการ
หมายเหตุ
๑๙/๕/๒๕๕๙
เลือกหัวข้อโครงงาน และวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่ได้เบื้องต้น
*ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบโครงงาน
๒๐/๕/๒๕๕๙
-๒๓/๕/๒๕๕๙
จัดวางรูปแบบโครงงาน และร่างรูปแบบโครงงาน
*รูปแบบโครงงาน 5 บท
๒๔/๕/๒๕๕๙
-๒๗/๕/๒๕๕๙
หาข้อมูลเรื่องที่จะจัดทำโครงงาน
*เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
๒๘/๕/๒๕๕๙
-๓/๖/๒๕๕๙
จัดทำรายงานที่ใช้ประกอบโครงงาน

๔/๖/๒๕๕๙
-๕/๖/๒๕๕๙
ตรวจทานรายงานอย่างละเอียด

๖/๖/๒๕๕๙
ส่งรายงานให้คุณครูตรวจทานก่อนการจัดทำ blogger
*ส่งงานแบบไฟล์งาน
๗/๖/๒๕๕๙
-๑๑/๖/๒๕๕๙
แก้ไขข้อผิดพลาดรายงานต่างๆที่คุณครูให้คำแนะนำ
*เกี่ยวกับตัวอักษร การวางรูปภาพ และอื่นๆ
๑๒/๖/๒๕๕๙
-๑๔/๖/๒๕๕๙
หาข้อมูลเกี่ยวกับ bloggerและวางแผนการทำงานต่างๆ

๑๕/๖/๒๕๕๙
-๒๐/๖/๒๕๕๙
จัดทำข้อมูลใน blogger ให้เสร็จสมบูรณ์
*ตรวจสอบจนสมบูรณ์ที่สุด
๑๐
๒๑/๖/๒๕๕๙
ให้คุณครูตรวจสอบข้อมูลต่างๆใน blogger
*เพื่อให้มีความสมบูรณ์ที่สุด
๑๑
๓๐/๖/๒๕๕๙
นำเสนอโครงงาน

วิธีการดำเนินงาน
1.       สืบค้นข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
2.       สอบถามข้อมูลจากคุณครู ธีรพล  คงมีผล
3.       หาข้อมูลเพิ่มเติมจากหนังสือต่างๆ
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.       ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น
2.       ได้รู้จักทักษะในการทำงานเป็นกลุ่ม
3.       ได้รู้จักทักษะในการทำโครงงาน
4.       ได้รู้จักการทำ Blogger ลงในอินเทอร์เน็ต
5.       ได้รู้จักทักษะการสืบค้นข้อมูล

บทที่ 2
            เอกสารที่เกี่ยวข้อง
          เพื่อการหาข้อมูลที่ใช้ทำ Blogger เรื่องการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น  เราจึงรวบรวมข้อมูลมาดังนี้
เหตุผลในการท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น
ตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นเปิดให้นักท่องเที่ยวบ้านเราเที่ยวได้โดยไม่ต้องง้อวีซ่า ประจวบเหมาะกับเริ่มมีสายการบิน Low Cost เปิดเส้นทางบินกรุงเทพญี่ปุ่นกัน ทำให้ทุกวันนี้ ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีคนให้ความสนใจไปเที่ยวกันเยอะมากๆ เราว่าส่วนหนึ่งคือคนใน Gen เราที่โตกันมา เป็นยุคที่การ์ตูนญี่ปุ่น ทั้งแบบหนังสือการ์ตูน หรือทีวีช่องเก้าการ์ตูน มีเสียงน้าต๋อยแซมเบ้ กำลังสุขงอมพอดิบพอดี ทำให้เรารู้สึกอินกับญี่ปุ่นได้ไม่ยากเลย ในวันนี้เรามีคอลัมน์ที่จะมารวบรวมให้ดูกัว่า เหตุผลที่คนชอบเดินทางบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันมีอะไรกันบ้าง  
Credit: Japanesense
ไปดูดอกซากุระ
เหตุผลแรกๆเลยของหลายๆคนก็คือ ดอกซากุระบานสะพรั่งสีชมพู ที่เห็นมานานหลายครั้งเวลาดูหนังสือท่องเที่ยว หรือเวลาดูหนัง พอญี่ปุ่นเปิดให้เข้าโดยไม่ต้องใช้ VISA แล้วสายการบินก็มีราคาไม่แพง ดอกซากุระก็ไม่ใช่ของไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป ถ้าจะไปก็ต้องประมาณช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนนี่ล่ะ (หรือพฤษภาคมในบางจังหวัด) ไปแอบนั่งคนเดียวริมน้ำ มีดอกซากุระร่วง พระอาทิตย์ตกดินแบบการ์ตูนญี่ปุ่นนะ โอ้ย ขอวาร์ปเลยได้ไหม!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จุดชมซากุระที่คลาสสิคและเป็นวิวในโปสเตอร์ท่องเที่ยวญี่ปุ่นหลายครั้งก็คือที่ ทะเลสาบคาวากูจิ นั่งรถไฟจากโอซาก้า เกียวโต หรือโตเกียวมาก็ได้ หรือในสวนสาธารณะในเมืองก็มีดอกซากุระบานเช่นกัน





Credit: Japan Times
       ไปดูภูเขาไฟฟูจิ
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นเหมือนไอคอนที่สุดแล้วของญี่ปุ่น คือถ้ามีคอมพิวเตอร์ โฟลเดอร์ญี่ปุ่น คงต้องเป็นรูปอื่นไม่ได้นอกจากภูเขาฟูจินี่ล่ะ นอกจากนั้นถ้าทริปญี่ปุ่นของคุณเป็นการตั้งใจไปเที่ยวฟูจิโดยเฉพาะก็มี Route การเที่ยวอุทยานแห่งชาติของฟูจิเองได้อีกด้วย
จังหวัดที่ควรไปเยือน: โตเกียว หรือ โอซาก้า แล้วนั่งรถไฟสายโทไกโด ระหว่างทางจะได้เห็นวิวตั้งตระหง่าน

Credit: Asiatotal

      ไปดูปราสาทเก่า วัดโบราณ
ตอนเด็กๆเวลาเปิดดูหนังสือท่องเที่ยว ก็พวกภาพมาตรฐานที่เราเคยเห็นจากนิตยสารท่องเที่ยวเหล่านี้นี่ล่ะที่ทำให้เราอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นเหลือเกิน  แล้วในนั้นก็มักจะมีรูปของปราสาทโบราณในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งมีให้พบเห็นตามเมืองสำคัญในอดีตของญี่ปุ่น
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ปราสาทที่ดังๆเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวแน่นอนก็ต้องเป็นปราสาทฮิเมะจิในจังหวัดเฮียวโงะ และปราสาทโอซาก้าในจังหวัดโอซาก้าที่เดินทางไปได้ง่ายๆ แต่นอกนั้นยังมีอีกหลายปราสาทเลยที่เราควรไปชมเช่นกัน อย่าง ปราสาทฮิโรซากิ ในจังหวัดอาโอโมริ มีความเก่าแก่มากๆแล้วก็เหมือนได้ไปเยือนต่างจังหวัดบ้านเขา ไฮไลท์ก็คือมีวิวต้นดอกซากุระบานประกอบด้วย

Credit: Mortalcoil



Credit: Japan Times
       ไปตามรอยกินร้านดัง
นี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญต่อมา ไหนจะทีวีแชมป์เปี้ยน รายการทำอาหาร หรือล่าสุดไม่กี่ปีมานี้เพิ่งมีสารคดี Jiro Dream of Sushi ออกมา โอย ยิ่งอยากไปลองชิมของจริงกันใหญ่ หลายคนที่เรารู้จักเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วแอบถ่ายรูปหม้อไฟ กระทะปิ้งย่างมาอวดกัน นั่นล่ะชัดเลย สายกินชัวร์!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: สำหรับตามรอยกินนี่เราว่าได้ทุกจังหวัดเลยนะ ถ้าเอาแบบมีการแนะนำบ่อยก็เช่นในโตเกียว หรือถ้ายอดฮิตประมาณหนึ่งก็ซุ้มอาหาร Yayai ในจังหวัดฟุกุโอกะ



Credit: Tokyofashion

       ไปดูแรงบันดาลใจแฟชั่นในย่านฮาราจุกุ
เอาใจคอแฟชั่นกันบ้าง นอกจากจะไปช็อปแบบกระเป๋าขาดในย่านฮาราจุกุ ย่อนช็อปปิ้งยอดฮิตที่มีช็อปร้านแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย โดยเฉพาะคอสตรีทที่ได้รับความนิยมในประเทศญี่ปุ่น มีแบรนด์สตรีทชื่อดังตั้งร้านใน Harajuku เช่น Bape, Beams, Visvim, Edwin หรือถ้าไม่อยากช็อป แค่ไปเดินดู Street Fashion ที่นั่นก็หวือหวาได้แล้ว
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ต้องเป็นโตเกียว ย่านฮาราจุกุ ถือว่าเป็นที่ A Must เลยสำหรับคอแฟชั่น



Credit: Hinds Feet on High Places

       ไปดูทุ่งดอกลาเวนเดอร์
อันนี้ก็ตั้งแต่มีสายการบิน Low-Cost ไปลงที่ฮอกไกโด แล้วบวกกับเขาผลักการท่องเที่ยวทุ่งดอกลาเวนเดอร์พอดี เลยทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนอยากไปเห็นของจริงด้วยตาสักครั้ง แล้วแน่นอนว่าไปถึงต้องขอหยิบซอฟท์ครีมนมฮอกไกโด โคนสีม่วงชูขึ้นฟ้า แล้วถ่ายลง IG สักหน่อย ทำให้เพื่อนๆที่เห็นพากันอยากไปบ้าง
จังหวัดที่ควรไปเยือน: แน่นอนว่าต้องเป็นจังหวัด ฮอกไกโด




Credit: Tokyocheapo
       ไปซื้อหนังสือ/เพลง
อันนี้สำหรับพวกที่เคยไปหลายรอบแล้ว แบบว่าข้ออื่นๆเคยทำมาแล้วล่ะ สิ่งหนึ่งที่คนชอบไปญี่ปุ่นทำกันคือไปเยือนร้านขายซีดีเพลง ที่ญี่ปุ่นมีเพลงเยอะมากๆ หรืออีกอย่างก็คือร้านขายหนังสือทั้งมือหนึ่งและมือสอง ดูง่ายๆอย่างร้าน Kinokuniya ที่บินมาเปิดถึงบ้านเรา มีหนังสือเพียบขนาดไหน ส่วนร้านมือสอง Book Off ก็เป็นที่นิยมของคนที่อยากไปตามล่าหาหนังสือเก่ากันด้วย ที่สำคัญคือบ้านเมืองเขาวัฒนธรรมการทำหนังสือไปถึงจุดสูงสุด คนธรรมดาก็มีการทำหนังสือออกมาวางขายกัน บรรดาโฟโต้บุ๊คภาพใสๆญี่ปุ่นๆนี่เพียบ!


 Credit: Livinitupdenver
Credit: Photosomnia

       ไปเดินผ่านสี่แยกนั้นเล่นๆ
อ่าว ใครจะว่าติ๊งต๊องก็เอาเถอะ แต่เราว่าแค่แยกแยกเดียวแต่ก็มีความหมายนะ สี่แยกที่คึกคักที่สุดในเมืองที่คึกคักที่สุดในโลก ถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเรากำลังหมายถึง ห้าแยกชิบูย่า” (อ้าว! ห้าแยกหรอกเหรอ) ใช่ นี่เป็นแยกที่คึกคักที่สุด มีภาพยนตร์ Hollywood และมิวสิควิดีโอของศิลปินต่างประเทศมาถ่ายทำกันมากมาย มาเดินถ่ายรูปแล้วก็นั่งจิบกาแฟดื่มด่ำความวุ่นวายสักหน่อย ฟินเฟ่อ~
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จังหวัดโตเกียว นั่งรถไฟ JR สายสีเขียว ขึ้นสถานีต่อจาก Harajuku หันซ้ายหันขวานิดหน่อย ถึงเลยจ้า!

Credit: Japanesearch
       ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์
หนึ่งในเหตุผลร้อยแปดคนอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น สำหรับบางคนแล้วการได้ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์ดูศึกษาประวัติความเป็นมาสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ เป็นสิ่งที่เหมือนได้เดินอยู่ในฝัน เอาที่ยอดฮิตก็ต้องหนีไม่พ้น พิพิธภัณฑ์ของสตูดิโอจิบลิ Ghibli Museum, Mitaka ที่จะเนรมิตเอาตัวละครอะนิเมชั่นซึ้งกินใจเหล่านี้มาโผล่ในดินแดนแห่งนี้ หรือถ้าใครชอบโดเรมอน มีพิพิธภัณฑ์ Fujiko.F.Fujio Muesum ด้วยนะ อีกแห่งก็ Kyoto International Manga Museum ที่อัดแน่นการ์ตูนไว้แน่น โอยจะมีประเทศไหนอีกที่มีพิพิธภัณฑ์ของการ์ตูนจัดเต็มแบบนี้ ก็มีแต่ญี่ปุ่นนี่ล่ะ!
จังหวัดที่ควรไปเยือน: ที่จังหวัดเกียวโตมีพิพิธภัณฑ์มากมาย ให้เลือกจัดทริปกัน แต่ถ้าอยากไปจิบลิก็ต้องเป็นที่โตเกียว นั่งรถออกมานอกเมืองไม่ไกลที่เมืองมิตะกะ

Credit: Wanderinghokies
       ไปดูหิมะ
หิมะที่ญี่ปุ่น ก็เป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวอยากไปเห็นอยากไปสัมผัสกัน ถ้าอยากแค่ เห็นหิมะไม่เกี่ยงว่าจะต้องมีกิจกรรมอะไร ก็ไปเมืองใดก็ได้ในหน้าหนาว ช่วงเดือนธันวาคมยาวไปจนถึงกุมภาพันธ์ ได้แช่ออนเซ็นอุ่นๆ แล้วมีหิมะตกอยู่ข้างนอกนะ ชีวิตดีมันเป็นแบบนี้นี่เอง
จังหวัดที่ควรไปเยือน: สำหรับเมืองหนาวของญี่ปุ่น คงต้องเป็นจังหวัดซัปโปโร แล้วช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่นี่ก็จะมีเทศกาล Sapporo Snow Festival ด้วย



Credit: Thelivinginventory

       ไปล่าของฝาก
หึหึ อันนี้นี่ล่ะคือความคิดแรงจูงใจของใครหลายๆคน เราว่านักท่องเที่ยวชาวไทยดูจะเป็นแก๊งค์ที่เอ็นจอยกับของฝากญี่ปุ่นที่สุดแล้วล่ะ แน่นอนว่าชื่อแรกต้องเป็นโตเกียวบานาน่า ขนมปังสีกล้วยเหลืองนวล กลมดิ๊ก เนื้อนุ่ม ครีมหอมอร่อย (คิดแล้วหมั่นเขี้ยว) แล้วก็ให้ทายว่าอีกอย่างคืออะไร? ครับ คิทแคทรสชาเขียว ทำเป็นบ่นๆแต่ใครซื้อมาฝากก็ฟาดเรียบทุกที อันนี้นี่ล่ะน่าจะเป็นรางวัลสำหรับนักท่องเที่ยวหลายคน
จังหวัดที่ควรไปเยือน: จังหวัดโตเกียวมีแหล่งช็อปซื้อของฝากยอดนิยมคือ บริเวณตลาด Ameyoko หรือตึกม่วง Takeya ที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน ที่นี่สามารถซื้อได้ในราคาถูกกว่าที่อื่น


สถานที่ยอดฮิต


           พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีกหนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
           ซึ่งภายในล้อมรอบด้วยคูเมือง ประตูทางเข้าที่งดงาม และป้อมปราการเก่าแก่ตั้งอยู่ห่างกันเป็นช่วง ๆ ทางเข้าหลักอยู่ใกล้กับนิจูบะชิ สะพานสองชั้น และจะเปิดให้คนภายนอกเข้าชมตามวาระพิเศษต่าง ๆ สวนตะวันออกฮิงะชิ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหอคอยใหญ่ ภายในสวนงดงามไปด้วยดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และจะผลิบานตามแต่ฤดูกาล เหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการสถานที่พักผ่อนในอุดมคติ



           โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอยสื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของโลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่น


            ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า "กัสโช" หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง


              ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นและอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko)หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
               นอกจากนี้ รอบ ๆ ภูเขาฟูจิเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม และเป็น อุทยานแห่งชาติฟูจิฮะโกะเนะอิซุ มีทะเลสาบ 5 แห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โมโตสุโกะ โชจิโกะ ไซโกะ และมีออนเซนหลายแห่ง ได้แก่ ยะมะนะกะโกะ คะวะงุจิโกะ โอชิโนะโกะ ฯลฯ นับได้ว่า ภูเขาฟูจิ มีอิทธิพลต่อศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณ มีชื่อภูเขาปรากฏอยู่ในบทกลอนญี่ปุ่นหรือภาพพิมพ์ญี่ปุ่น และทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นชื่อบริษัท ชื่อสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนตั้งชื่อว่า ฟูจิ เรียกว่าภูเขาฟูจินี้เป็นหัวใจของญี่ปุ่นก็ว่าได้
               ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปปีน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
yokosojapan.org


               เมื่อมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ก็คือ การช้อปปิ้ง ซึ่งที่ญี่ปุ่นก็มีแหล่งช้อปที่หลายหลาย แต่ที่ไม่ควรพลาดเลย คือ ย่านชินจุกุ (Shinjuku) แหล่งท่องเที่ยวทันสมัยฝั่งตะวันตกของโตเกียว นับเป็นแหล่งช้อปปิ้งและสถานบันเทิงยามค่ำคืนยอดนิยมที่มีชื่อเสียง โดยยามกลางวันสามารถแวะชมสวนสาธารณะชินจุกุเกียวเอ็นที่เงียบสงบย่านชิบุยะ (Shibuya) เป็นศูนย์กลางแฟชั่นและวัฒนธรรมสมัยใหม่ของวัยรุ่น ใกล้กับ ศาลเจ้าเมจิ ที่เงียบสงบ ติดต่อกันเป็นแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมและสวรรค์ของคนรุ่นใหม่ คือ ย่านฮาราจูกุ และ ย่านโอไดบะ ที่สร้างขึ้นจากการถมทะเลในอ่าวโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเหล่านักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ เพราะที่นี่มีทั้งแหล่งบันเทิงขนาดใหญ่ ชิงช้าสวรรค์ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ที่เป็นสัญลักษณ์ของเรนโบว์ ทาวน์ ที่เหล่าคู่รักวัยรุ่นนิยมขึ้นชิงช้าชมวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยงาม


                เมืองโอซาก้า (Osaka) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสามของญี่ปุ่น และเป็นศูนย์รวมทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสำหรับญี่ปุ่นตะวันตก ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำโยโดะ มีคลองที่เชื่อมโยงกันไปมาภายใต้ถนนหลายเส้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญก้าวหน้ามาสู่เมือง และในฐานะที่เป็นเมืองดั้งเดิมจึงมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นต้นแบบของ ละครหุ่นกระบอกบุนระคุ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังไม่ควรพลาดชม อ่าวโอซาก้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางความทันสมัยที่สุด และสวนสนุก Universal Studios Japan
               แต่ที่พลาดไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ปราสาทโอซาก้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นในปี 1586 โดย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ปัจจุบันเป็นป้อมปราการสูงห้าชั้น จำลองแบบจากของเดิม เก็บรักษาศิลปวัตถุโบราณหลายชิ้น ทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับตระกูลโทโยโทมิและโอซาก้าในอดีต สำหรับแหล่งบันเทิงและย่านช้อปปิ้งที่จะต้องแวะ คือ ย่านอุเมะดะ และ ย่านนัมบะ ที่มีสถานีรถไฟและศูนย์การค้าใต้ดินที่ทันสมัยอยู่จำนวนมาก สำหรับนักจับจ่ายซื้อของและนักชิมอาหาร "คุอุดะโอะเระ" ถนนนักชิมที่มีชื่อเสียงสมคำเล่าลือ ที่ว่าโอซาก้าเป็นเมืองสำหรับนักชิมอย่างแท้จริง อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ เช่น ยากินิกุ, ซูชิ และทาโกะยากิ

               ปราสาทฮิเมะจิ (Himeji Castle) ตั้งอยู่เมืองฮิเมะจิ เป็นปราสาทที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ที่ยังคงรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมทั้งได้มีการปิดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์เป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2009-2014 แต่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมภายในและชมกระบวนการซ่อมแซมได้อย่างใกล้ชิด
               ปราสาทฮิเมะจิ เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญเพราะเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ ที่เหลือสุดรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการรับรองจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก เพราะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ สถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่าง ๆ ในบริเวณปราสาท ถือได้ว่าเป็นมาตรฐานตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น
               อีกทั้งรอบ ๆ ปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ รูสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท และลักษณะที่เด่นชัดของปราสาทนี้ คือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงในปราสาทได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงได้โดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นวงก้นหอยรอบ ๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันอีกมากมาย และจนทุกวันนี้ปราสาทฮิเมะจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีเลย ระบบการป้องกันต่าง ๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน


วัดโทไดจิ (Todaiji Temple) วัดพุทธที่สำคัญและเก่าแก่ที่สุดของเมืองนารา ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างด้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับศาลเจ้าและสถานที่สำคัญของเมืองนาราอีก 7 แห่ง ภายในวัดมี หอไดบุทสึ (Daibutsuden) หรือวิหารไม้ที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไดบุทสึหล่อสำริดขนาดใหญ่ สูง 14.98 เมตร น้ำหนักราว 500 ตัน หล่อโดยช่างสมัยเท็มเปียว (729-764)


               ฮอกไกโด (Hokkaido) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ถือเป็นสวรรค์ของธรรมชาติ สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดปี มีธรรมชาติที่ยังไม่ถูกทำลาย ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แม่น้ำ ทะเลสาบ บ่อน้ำพุร้อน และชายฝั่งทะเล มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว มีหิมะที่ขาวละเอียดดุจแป้งฝุ่นและสกีรีสอร์ท ที่ดึงดูดนักเล่นสกีจากทั่วโลก ขณะที่ในฤดูใบไม้ผลิ ซากุระจะบานช้ากว่าภูมิภาคอื่นในญี่ปุ่น สามารถชมซากุระได้ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ส่วนฤดูร้อนอากาศจะไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ เพราะมีทุ่งดอกไม้ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง และในฤดูใบไม้ร่วงใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนที่อื่น ๆ ในประเทศญี่ปุ่นเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกันยายนจนถึงตุลาคม
               โดยมี เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นเมืองหลวงของฮอกไกโด ซึ่งในซัปโปโรมี สวนสาธารณะโอโดริ ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานเทศกาลหิมะที่มีชื่อเสียง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาชมงานในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี นอกจากนี้ ยังมีหอนาฬิกาอันเก่าแก่ และที่ว่าการเมืองฮอกไกโด อีกทั้งย่านร้านค้าซุซุกิโนะ ซึ่งเป็นศูนย์การค้า และแหล่งจับจ่ายซื้อของที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
               เมืองฮะโกะดะเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าชายทะเลที่สำคัญ ที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของฮอกไกโด ในยามเช้าสามารถเที่ยวตลาดสดขายอาหารทะเลสด ๆ ที่มีให้ชิม ยามสายเที่ยวชมโบสถ์ และป้อมปราการโบราณในเมือง ยามเย็นนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนเขาฮะโกะดะเตะ ชมทิวทัศน์ยามราตรีที่สวยงามได้รอบทิศ ด้านเมืองอะซะฮิกะวะ (Asahikawa) ตั้งอยู่ใจกลางเกาะไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งโดยรถไฟด่วนจากเมืองซัปโปโร และจากเมืองอะซะฮิกะวะไปทางตะวันออกจะมี อุทยานแห่งชาติไดเซะทสุซัง ซึ่งมี บ่อน้ำแร่โซอุนเกียว ให้เพลิดเพลินในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
               นอกจากนี้ ฮอกไกโดยังมีธรรมชาติอันสวยงามที่เป็นชายฝั่งทะเลใกล้ เมืองอะบะชิริ (Abashiri) มีธารน้ำแข็งให้ชมในฤดูหนาว และ คาบสมุทรชิเระโตะโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติด้วย อีกทั้งทะเลสาบอะคัง ทะเลสาบมาชูและ ทะเลสาบคุชิโระ และทางตะวันตกของฮอกไกโดมี เมืองโอะตะรุ (Otaru) เป็นเมืองท่าที่เคยเจริญรุ่งเรืองในฐานะเมืองค้าขาย ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 รอบ ๆ เมืองจะมีคลองโอะตะรุ เป็นโบราณสถาน แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในสมัยบุกเบิก มีถนนร้านซูชิที่สดที่สุดในโลกให้ลองลิ้มชิมรส


เมืองฟุระโนะ ตั้งอยู่ใจกลางฮอกไกโดพอดี เป็นที่รู้จักกันในนามทุ่งดอกไม้ที่มีภูเขาล้อมรอบไว้ ทำให้ที่นี่มีความแตกต่างของอากาศในช่วงฤดูหนาวกับฤดูร้อนราว 30 องศา และที่สำคัญที่นี่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยวทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ในหน้าร้อนจะมีสวนดอกไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะที่ ฟาร์มโทมิตะ ซึ่งมีการปลูกลาเวนเดอร์ที่ทั้งสวยงามและกว้างใหญ่ไพศาล รวมทั้งดอกไม้อื่น ๆ โดยที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวมากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนจนกระทั่งกลางเดือนกันยายน ส่วนในช่วงฤดูหนาวที่นี่จะปกคลุมไปด้วยหิมะหนามาก ทำให้กลายเป็นลานสกีที่มีชื่อเสียง และเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับลานสกีในช่วงกลางเดือนธันวาคมถึงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี


การวางแผนและการเตรียมตัว
 วีซ่า ไปญี่ปุ่นเองนั้นไม่ยาก นับเป็นโชคดีของพาสปอร์ตไทยที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวระยะสั้นไม่เกิน 15 วันได้ตลอดปีโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้า เรียกได้ว่าจองตั๋ว จองที่พักแล้วก็บินโลด ทั้งนี้นอกจากประเทศญี่ปุ่นที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปโดยไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าแล้ว แต่ถ้าอยากเที่ยวมากกว่า 15 วันล่ะก็ เช็คดูเลยว่าจะขอวีซ่าได้ที่เว็บสถานฑูตญี่ปุ่น รึป่าว
           โปรแกรมเมืองที่จะไปเที่ยว ไปเที่ยวเมืองไหนดี ข้อนี้สำคัญมาก เพราะส่งผลถึงการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก รวมไปถึงการจัดงบประมาณการท่องเที่ยวของคุณด้วย ทั้งนี้ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล และในแต่ละช่วงของปีก็มีกิจกรรมให้ทำแตกต่างกันไป แต่ก็มีเมืองท่องเที่ยวหลักๆ หลายเมืองที่สามารถไปเที่ยวได้ตลอดปี ว่าแล้วเราไปดูกันซิว่าเมืองท่องเที่ยวฮ็อตฮิต 10 อันดับของญี่ปุ่นนั้นมีเมืองไหนกันบ้าง ที่ไปได้ทุกฤดู ทุกปี ไม่มีเบื่อ


สภาพอากาศและฤดูกาล อากาศที่ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูกาล อยากจะไปเที่ยวในช่วงไหนก็ควรจัดกระเป๋าไปญี่ปุ่นให้เหมาะสมกับอากาศในแต่ละช่วง
      ฤดูใบไม้ผลิ           ระหว่างเดือนมีนาคม-เดือนพฤษภาคม จะเป็นช่วงชมดอกซากุระบาน โดยดอกซากุระจะทยอยกันบานแตกต่างกันไปตามแต่ละภูมิภาค
      ฤดูร้อน    ระหว่างเดือนมิถุนายน-เดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงชมทุ่งดอกไม้บานในหลายแห่ง ขึ้นชื่อที่สุด คือ ที่ฟุราโนะและบิเอบนเกาะฮอกไกโด นอกจากนั้นก็เป็นช่วงชมผลไม้และเทศกาลหน้าร้อนมากมาย
     ฤดูใบไม้ร่วง    ระหว่างเดือนกันยาน-เดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงชมใบไม้เปลี่ยนสีและเทศกาลเก็บเกี่ยว
     ฤดูหนาว   ระหว่างเดือนธันวาคม-เดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงเที่ยวชมหิมะ เล่นสกี เทศกาลหน้าหนาวต่างๆ ในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ เช่น โตเกียว ซัปโปโร โอซาก้า จะมีงานจัดไฟประดับเมืองในช่วงคริสต์มาส และเทศกาลที่ดังที่สุดในช่วงนี้ของปีก็คือ งานเทศกาลหิมะและน้ำแข็งแกะสลักที่ซัปโปโร

     การเดินทางไปญี่ปุ่น     ในปัจจุบันตั๋วเครื่องบินไปเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่นจัดว่ามีราคาค่อนข้างประหยัด เพราะแทบจะทุกเมืองนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางยอดฮิตด้วยกันทั้งสิ้น มีทั้งเที่ยวบินตรงและเที่ยวบินต่อ อีกทั้งมีหลายสายการบินให้บริการเส้นทางเหล่านี้ ทั้งสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินพรีเมี่ยม

เช็คราครตั๋วเครื่องบิน     การเดินทางภายในญี่ปุ่น เที่ยวญี่ปุ่นนี่ถือว่าสะดวกมาก เพราะมีทั้งบริการสายการบินเชื่อมต่อภายในประเทศมากมาย รถไฟความเร็วสูงข้ามเมือง รถไฟใต้ดิน รถไฟบนดิน รถบัสโดยสาร รถแท็กซี่ เรือเฟอร์รี่ (สำหรับเมืองที่ติดทะเล) รวมไปถึงเช่ารถขับเที่ยวซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่คิดจะไปเที่ยวชมธรรมชาติรอบนอกตัวเมือง

     โรงแรมที่พักในญี่ปุ่น    ที่พักในญี่ปุ่นนั้นมีให้เลือกมากมาย และในระยะหลังมานี้ที่พักแนวประหยัดในเมืองใหญ่ โรงแรมแคปซูล (Capsule Hotel) ที่มักจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองก็เป็นที่นิยมอย่างสูง เพราะประหยัด สะอาดและสะดวกในการเดินทาง แต่ทั้งนี้ที่พักแนวรีสอร์ทสปา-ออนเซ็น เกสต์เฮ้าส์ อินส์-เรียวกัง (Japanese Inns or Ryokan) และที่พักกึ่งบูทีคโฮเต็ลแบบบ้านโบราณประยุกต์ตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญก็กำลังมาแรงไม่น้อย

     ก่อนออกเดินทาง

ก่อนจะไปโอไฮโย-คอนนิจิวะ ก็อย่าลืมทำเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องเตรียมไปญี่ปุ่น จองตั๋วที่พักให้ครบทุกคืน เช่ารถให้เสร็จสรรพหากคิดจะขับรถเที่ยวและอย่าลืมทำใบขับขี่สากลติดตัวไปด้วย สำหรับคุณที่ขี้เกียจขับรถหรือกะเที่ยวหลั่นล้าแค่ในตัวเมืองก็อย่าลืมซื้อตั๋วเจอาร์พาส (JR Pass) กันล่วงหน้า หาแผนที่ดีๆ วางแผนชีพจรลงเท้าให้แม่นๆ และอย่าลืมอ่านคู่มือการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ข้อแนะนำสำคัญอีกข้อของคุณที่จะใช้เจอาร์พาส หากคุณคิดจะเที่ยวหลายที่ๆ รถไฟไปถึง ขอให้ซื้อแบบตั๋วรายสัปดาห์หรือรายวันจะประหยัดกว่าซื้อเที่ยวต่อเที่ยวอยู่มาก
     สำหรับการไปญี่ปุ่นด้วยตัวเองและเที่ยวแบบประหยัด-คุ้มนั้น คุณก็ควรจองตั๋วเดินทางและที่พักล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ เลือกที่พักแบบที่มีบริการอาหารเช้าเพราะจะช่วยทั้งประหยัดเวลาและอาจประหยัดค่าอาหารมากกว่าการไปหาซื้อข้างนอก หรือถ้าคุณคำนวณแล้วว่าแหล่งที่พักในหมายตาไว้นั้นไปหาซื้อกินเองน่าจะถูกกว่า เพราะร้านบะหมี่ท้องถิ่นและร้านสะดวกซื้อที่บริการอาหารอร่อยและถูกนั้นมีมากมาย ก็ขอให้เล็งดีๆ ว่าใกล้แหล่งตลาดร้านค้านั้นจริงๆ เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย และเสียอรรถรสในการท่องเที่ยวซะเปล่าๆ นอกจากนั้นสำหรับคุณๆ ที่คิดจะเดินทางเป็นหมู่คณะก็น่าจะทำการเจรจาต่อรองค่าที่พัก รวมไปถึงค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ด้วย ไม่แน่คุณอาจได้ส่วนลดเพิ่มแบบไม่คาดคิดก็เป็นได้

     

ระหว่างเดินทาง

   ข้อที่ 1    สำหรับคนที่วางแผนเที่ยวหลายเมือง การเดินทางโดยเครื่องบินจะสะดวกและประหยัดมากหากทำการจองตั๋วเที่ยวบินภายในประเทศล่วงหน้า และขอบอกโอกาสที่จะได้ตั๋วราคาถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 19 สัปดาห์ก่อนเดินทาง (จากข้อมูลโครงการ Best Time to Book)
   ข้อที่ 2     แนะนำให้เดินทางไปลงยังสนามบินฮาเนดะ (Haneda Airport) มากกว่าสนามบินนาริตะ (Narita International Airport) เพราะมีสายการบินให้บริการมากกว่า การเดินทางเข้าโตเกียวก็สั้นกว่าและประหยัดค่าเดินทางมากกว่า
    ข้อที่ 3    ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นการแปลภาษามาใช้ เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ อย่างน้อยหากหลงทางคุณก็ยังสามารถสื่อสารแบบง่ายๆ กับคนท้องถิ่นได้ นอกจากโปรแกรมแปลภาษาแล้ว ก็ยังมีแอพดีๆ สำหรับการท่องเที่ยวอีกมากมาย อ่านเพิ่มเติมแอพพลิเคชั่นเด็ดที่ควรมีในระหว่างเดินทาง
   ข้อที่ 4     พกนามบัตรและเบอร์ติดต่อโรงแรมตลอดเวลาที่คุณออกไปเที่ยว ในกรณีที่คุณหลงทางก็สามารถโชว์นามบัตรโรงแรมภาษาญี่ปุ่นให้คนท้องถิ่นหรือคนขับรถแท็กซี่ช่วยคุณได้
   ข้อที่ 5     ร้านสะดวกซื้อ คือ โลกเล็กๆ ที่มีทุกสิ่งสรรพตั้งแต่อาหารสำเร็จรูป บัตรโทรศัพท์ เสื้อผ้า และอีกมากมาย

   ข้อที่ 6     หากคุณคิดจะใช้รถไฟเป็นหลักในการเที่ยวทั่วเมือง (ถือว่าประหยัดกว่าแท็กซี่อยู่มากโข) ขอแนะนำให้โหลดแอพตารางรถไฟ ไฮเปอร์เดีย” (Hyperdia) เพื่อความมั่นใจว่าคุณจะไม่พลาดสักเที่ยว ตารางเวลารถไฟเมืองนี้ตรงและแม่นยำ ไม่ต้องตบแมลงหวี่รอ
   ข้อที่ 7    เช่าอุปกรณ์ไวไฟพกพา (Pocket-Wifi) จะสะดวกและประหยัดกว่าการใช้บัตรโทรศัพท์ เพราะสามารถใช้ได้กับทั้งคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ตและมือถือ เมืองใหญ่ๆ ในญี่ปุ่นมีฟรีไวไฟให้ใช้อยู่ทั่วไป และอุปกรณ์พกพาตัวนี้ก็มีให้เช่าได้ที่สนามบิน แต่ถ้าหากคุณทำการจองก่อนจะมีส่วนลดพิเศษกว่าราคาเช่าหน้าเคาน์เตอร์
   ข้อที่ 8     อย่าวางทิปสุ่มสี่สุ่มห้า เป็นการผิดมารยาท ที่ญี่ปุ่นนี้ไม่จำเป็นต้องวางทิป หากคุณวางทิ้งไว้ พนักงานจะนึกว่าคุณลืม และการยื่นเงินสดให้กับมือก็ถือว่าไม่เหมาะไม่ควร สำหรับการพักในโรงแรมชั้นดีที่คุณอยากให้ทิป คุณก็ต้องหาซองใส่ให้เรียบร้อย และวางให้เมื่อวันไปถึง ไม่ใช่วางทิ้งไว้วันที่คุณเช็คเอ้าท์
   ข้อที่ 9     สายด่วนภาคภาษาอังกฤษในญี่ปุ่น คือ 0120 461 997 (24 ชั่วโมง)
   ข้อที่ 10     การแลกเงินเยนเพื่อใช้จ่ายช่วงท่องเที่ยว เป็นที่น่าสนใจว่าการแลกเงินโดยใช้ตั๋วเงินสดนักท่องเที่ยว (Traveler Cheque) คุณจะได้เรทดีกว่าการแลกด้วยเงินดอลลาร์ แถมยังปลอดภัยในการพกพาอีกด้วย
   ข้อที่ 11     ในญี่ปุ่นมีบริการรับ-ส่งกระเป๋าเดินทางไปยังสนามบินที่เรียกว่า ทากุไฮบิน” (Takuhaibin) เพื่อความสะดวกสำหรับการเดินทางแบบไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง รถรับส่งกระเป๋านี้สามารถมารับกระเป๋าคุณได้ทั้งที่โรงแรมหรือร้านสะดวกซื้อที่มีป้ายบริการ บริการนี้เชื่อถือได้และไม่แพงอีกต่างหาก


บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือ หรือโปรแกรมในการใช้ดำเนินงาน
          -คอมพิวเตอร์
-โปรแกรม Microsoft Office Word
-โปรแกรมMicrosoft Office Excel
-โปรแกรมAdobe Photo Shop
-www.google.com
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.       กำหนดหัวข้อและนำไปถามเพื่อนและคุณครูแล้วสรุปหัวข้อกันภายในกลุ่ม
2.       ร่างรูปแบบโครงงานที่จะจัดทำ
3.       หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่จะจัดทำโครงงาน
4.       แบ่งงานต่างๆให้สมาชิกในกลุ่มแยกย้ายกันไปทำ
5.       นำงานที่สมาชิกแต่ละคนทำมาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน
6.       ตรวจทานงานต่างจนเรียบร้อย
7.       ส่งงานให้คุณครูตรวจทานอีกครั้ง
8.       และนำงานมาใส่ลงใน Blogger และตรวจทานให้เรียบร้อย
9.       ส่งคุณครูและเตรียมตัวพรีเซ้นงาน






บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
ผลที่ได้จากการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์เรื่อง การท่องเที่ยวในญี่ปุ่น คือ ประสบการณ์ทำงานแบบกลุ่ม และทักษะการทำงานโดยการใช้คอมพิวเตอร์ และการจัดทำสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศลงในอินเทอร์เน็ตโดยใช้ Blogger ในการจัดทำ และยังได้ฝึกใช้ทักษะการสืบค้นข้อมูลอีกด้วย




บทที่ 5
สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
สรุปผลการดำเนินโครงงาน
ด้านการหาข้อมูลนั้นผ่านไปได้ด้วยดี การสอบถามความคิดเห็นจากคุณครูและเพื่อนๆยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกด้วย
ปัญหาและอุปสรรค
          -ก่อนการทำ Bloggerเราได้ทดลองทำอีกอันแต่ไม่รู้วิธีลบ
          -เนื่องจากมีงานอื่นๆอีกหลายงาน จึงทำให้กำหนดการเริ่มงานของพวกเราล่าช้า แต่เราก็สามารถทำงานได้เสร็จทันก่อนกำหนด
ข้อเสนอแนะและแนวทางในการแก้ปัญหา
          -ก่อนการทำ Blogger  เราควรหาข้อมูลต่างๆทั่วไปที่เกี่ยวกับ Blogger ก่อนทำจึงจะทำให้งานต่างๆสำเร็จไปได้ด้วยดี
          -เราควรกำหนดตารางงานต่างๆอย่างชัดเจน และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดจึงจะทำให้ทุกอย่างผ่านไปอย่างสมบูรณ์ที่สุด



อ้างอิง
 www.skyscanner.co.th : การวางแผนการก่อนไปญี่ปุ่น
http://travel.kapook.com : สถานที่ยอดฮิต
www.dooddot.com  : เหตุผลที่ทำให้คนไปเที่ยวญี่ปุ่น